ข้ามไปเนื้อหา

เวอร์ชวลบอย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เครื่องเล่น เวอร์ชวลบอย

เวอร์ชวลบอย เป็นเครื่องเล่นเกม 3 มิติที่นินเทนโดผลิตออกมาวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 ผู้เล่นต้องมองผ่านดิสเพลย์ที่มีรูปร่างเหมือนแว่นซึ่งตั้งบนขาวาง โดยภาพของเกมจะเป็นภาพ 3 มิติ โดยการหลอกสายตาให้มองเห็นภาพ 2 มิติดูมีมิติแบบภาพ 3 มิติ ออกวางขายครั้งแรกในญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1995 เครื่องเวอร์ชวลบอยถูกวิจารณ์ว่าเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของนินเทนโดในวงการอุตสาหกรรมเกม

ประวัติและการพัฒนา

[แก้]

ช่วงหลังยุคเครื่องเกมซูเปอร์แฟมิคอม นินเทนโดต้องการสานต่อความสำเร็จของเครื่องเกมพกพาของตนที่ชื่อ "เกมบอย" ที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม นินเทนโดมองว่าภาพของเครื่องเกมบอยที่เป็นภาพขาวดำความละเอียดต่ำนั้นล้าสมัยไปแล้ว จึงมีความต้องการจะพัฒนาเครื่องเกมพกพารุ่นใหม่มาแทนที่

นินเทนโดได้มอบหมายให้ กุนเป โยโคอิ นักพัฒนาเกมผู้มีชื่อเสียงผู้ให้กำเนิดเครื่องเกมพกพาที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอย่าง "เกม แอนด์ วอช" และ "เกมบอย" และผู้ให้กำเนิดเกมซีรีส์ "เมทรอยด์" เป็นผู้พัฒนาเครื่องเกมพกพารุ่นใหม่นี้ โยโคอิได้พัฒนาเครื่องเกมที่อาศัยหลักการมองภาพ 3 มิติของดวงตา โดยผู้เล่นจะต้องมองเข้าไปในกล้องเหมือนสวมแว่นประดาน้ำ และในเครื่องจะมีหน้าจอ 2 ชุดสำหรับดวงตาซ้ายและขวา ภาพจากจอทั้ง 2 จะถูกมองแยกต่างหากจากดวงตาแต่ละข้าง ผลที่ได้คือเกิดภาพลวงตาที่ทำให้ดูเหมือนภาพมีมิติแบบภาพ 3 มิติ

อย่างไรก็ดี เนื่องด้วยการพัฒนากินเวลามากเกินไป และนินเทนโดต้องการรีบหันไปให้ความสนใจกับการพัฒนาเครื่องนินเทนโด 64 มากกว่า เครื่องเวอร์ชวลบอยจึงออกวางจำหน่ายทั้งๆที่โยโคอิยังพัฒนามันไม่เสร็จสมบูรณ์ ผลที่ได้คือเครื่องที่มีขนาดเทอะทะ มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นเครื่องเกมพกพา หนำซ้ำเวลาเล่นต้องหาพื้นที่วางเครื่องที่มั่นคง เพราะไม่มีอะไรตรึงตัวเครื่องติดไว้กับหัว ทำให้ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบเป็นจำนวนมาก

คำวิจารณ์

[แก้]

เครื่องเวอร์ชวลบอยนั้นเป็นที่ผิดหวังของแฟนๆ นักเล่นเกมที่รอคอยเครื่องเกมนี้ตั้งแต่ครั้งที่นินเทนโดประกาศจะผลิตเครื่องเกม 3 มิติเป็นครั้งแรก และนินเทนโดยังโฆษณาประสิทธิภาพของเครื่องเอาไว้เกินความเป็นจริงเป็นอย่างมาก[1] เมื่อตัวเครื่องจริงออกมาไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ จึงสร้างความผิดหวังและมีคำวิจารณ์ในแง่ลบเป็นจำนวนมาก

ทางนินเทนโดกล่าวหาว่านายโยโคอิผู้ให้กำเนิดเครื่องเป็นต้นเหตุของความล้มเหลวครั้งใหญ่นี้ กล่าวกันว่าทางบริษัทเริ่มจะเหินห่างจากนายโยโคอิ[2] ภายหลังนายโยโคอิจึงลาออกจากบริษัทไปผลิตเกมให้บริษัทบันได เครื่องเวอร์ชวลบอยได้รับคำวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก ในปี 2007 นิตยสาร "PC World" จัดอันดับให้เครื่องเวอร์ชวลบอยอยู่ที่อันดับ 5 ในอันดับ "สินค้าเทคโนโลยีที่น่าเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์"[3]

ถึงแม้จะถูกจัดอันดับว่าเป็นเครื่องเกมที่มีคุณภาพแย่และถือเป็นความล้มเหลว ทำให้ผลิตออกมาเพียง 80,000 เครื่อง แต่ด้วยจำนวนที่น้อยและหายากนี้ ทำให้เครื่องเวอร์ชวลบอยกลายเป็นของสะสมหายากของบรรดาแฟนๆ นินเทนโด และสามารถขายได้ผ่านทางการประมูลในราคาแพง ในเมืองดูไบ มีการค้นพบเครื่องเวอร์ชวลบอย 100 เครื่องถูกเก็บลืมไว้ในลังไม้ที่เก็บไว้ในโกดัง เป็นเครื่องเวอร์ชวลบอยที่ขายไม่ออกและถูกเก็บลืมไว้ โดยที่เจ้าของคนปัจจุบันไม่รู้เลยว่ายังมีเครื่องพวกนี้อยู่ในโกดังจนกระทั่งถูกค้นพบในภายหลัง[4]

เกม

[แก้]

เครื่องเวอร์ชวลบอยถือเป็นหนึ่งในเครื่องเกมที่มีเกมน้อยที่สุด มีเกมออกมาเพียง 22 เกมเท่านั้น[5]

อ้างอิง

[แก้]
  1. http://register.nintendo.com/systemsclassic?type=vb
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2004-04-04. สืบค้นเมื่อ 2009-02-22.
  3. http://www.pcworld.idg.com.au/article/195577/ugliest_products_tech_history?img=1226&ssid=1[ลิงก์เสีย]
  4. http://blog.wired.com/games/2008/09/lost-virtual-bo.html
  5. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-01-23. สืบค้นเมื่อ 2009-02-22.


pFad - Phonifier reborn

Pfad - The Proxy pFad of © 2024 Garber Painting. All rights reserved.

Note: This service is not intended for secure transactions such as banking, social media, email, or purchasing. Use at your own risk. We assume no liability whatsoever for broken pages.


Alternative Proxies:

Alternative Proxy

pFad Proxy

pFad v3 Proxy

pFad v4 Proxy