ข้ามไปเนื้อหา

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2555

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี พ.ศ. 2555

← พ.ศ. 2551 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 พ.ศ. 2559 →
ผู้ใช้สิทธิ58.2% (มีสิทธิเลือกตั้ง)[1]
 
ผู้ได้รับเสนอชื่อ บารัก โอบามา มิตต์ รอมนีย์
พรรค พรรคเดโมแครต พรรคริพับลิกัน
รัฐเหย้า รัฐอิลลินอย รัฐแมสซาชูเซตส์
คู่สมัคร โจ ไบเดน พอล ไรอัน
คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 332 206
รัฐที่ชนะ 26 + ดี.ซี. 24
คะแนนเสียง 65,915,795[2] 60,933,504[2]
% 51.1%[2] 47.2%[2]

ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
สีน้ำเงิน แสดงถึงรัฐหรือเขตที่โอบามา/ไบเดนชนะ
สีแดง แสดงถึงรัฐหรือเขตที่รอมนีย์/ไรอันชนะ
ตัวเลขหมายถึงจำนวนคะแนนเสียงของคณะผู้เลือกตั้งซึ่งจะเป็นของผู้ชนะในเขตนั้น

ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาก่อนการเลือกตั้ง

บารัก โอบามา
พรรคเดโมแครต

ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

บารัก โอบามา
พรรคเดโมแครต

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2555 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีทุกสี่ปีครั้งที่ 57 และมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ประธานาธิบดี บารัก โอบามา และรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครต ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง โดยเอาชนะ มิตต์ รอมนีย์ นักธุรกิจและอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ และ พอล ไรอัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐวิสคอนซิน ผู้ลงสมัครจากพรรคริพับลิกันไปได้

ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ได้ถูกเลือกให้เป็นแคนดิเดตของพรรคเดโมแครตโดยไม่มีคู่แข่ง ทางริพับลิกันมีการเลือกตั้งไพรมารี่ที่ดุเดือด รอมนีย์มีคะแนนนำในโพลและได้รับการสนับสนุนจากผู้นำพรรคหลายคน แต่เขาก็มีคู่แข่งจากคนในพรรคที่อนุรักษ์นิยมมากกว่าเขาจำนวนหนึ่ง รอมนีย์ชนะการเลือกตั้งไพรมารี่ในเดือนพฤษภาคม โดยเอาชนะอดีตสมาชิกวุฒิสภา ริค แซนโทรัม, อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ นิวต์ กิงริช, สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส รอน พอล, และแคนดิเดตคนอื่น ๆ

แคมเปญครั้งนี้เน้นไปที่ประเด็นปัญหาภายในประเทศ, และการดีเบตก็เน้นไปที่สิ่งที่รัฐบาลทำในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ประเด็นอื่น ๆ รวมถึงปัญหาระยะยาวของงบประมาณรัฐบาลกลาง, อนาคตของประกันสังคม, และรัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่เสียได้ (Affordable Care Act) ซึ่งเป็นกฎหมายใหญ่ที่ผ่านโดยรัฐบาลโอบามา ส่วนนโยบายการต่างประเทศก็มีการโต้เถียงเช่นกัน โดยมีการสิ้นสุดของสงครามอิรักในปี 2554, การใช้จ่ายทางการทหาร, การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน, และการตอบโต้การก่อการร้ายที่เหมาะสม รอมนีย์โจมตีนโยบายในประเทศของโอบามาว่าไม่มีประสิทธิภาพและล้มละลายทางการเงิน ส่วนโอบามาสร้างภาพลักษณ์รอมนีย์ว่าเป็นพวกนักธุรกิจที่นิยมเศรษฐยาธิปไตยที่ไม่รู้ว่าชาวบ้านทั่วไปต้องการอะไร แคมเปญนี้มีการระดมทุนที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนหนึ่งมาจาก Super PACs

โอบามาชนะรอมนีย์ โดยได้รับเกิน 50% ทั้งคะแนนคณะผู้เลือกตั้งและคะแนนมหาชน โอบามาได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 332 คะแนน และคะแนนมหาชน 51.1% รอมนีย์ได้รับคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 206 คะแนน และคะแนนมหาชน 47.2% ผลคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถูกรับรองโดยคองเกรสเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2556 โอบามาเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สองด้วยคะแนนคณะผู้เลือกตั้งและคะแนนมหาชนน้อยกว่าสมัยแรก ถึงกระนั้น โอบามาเป็นประธานาธิบดีคนแรกตั้งแต่โรนัลด์ เรแกนในปี 2527 ที่ได้รับคะแนนมหาชนเกิน 50% มากกว่าหนึ่งครั้ง และเป็นเดโมแครตคนแรกที่ทำได้ตั้งแต่แฟรงคลิน ดี. โรเซอเวลต์ในปี 2487 โอบามาเป็นประธานาธิบดีคนที่สามติดต่อกัน (หลังจากบิล คลินตันและจอร์จ ดับเบิลยู. บุช) ที่ชนะการเลือกตั้งสมัยที่สอง

โอบามาไม่ชนะในรัฐอินดีแอนา นอร์ทแคโรไลนา และเขตที่ 2 ของรัฐเนแบรสกา เหมือนในปี 2551 แต่ก็ยังชนะรัฐ "blue wall" ทั้ง 18 รัฐ และชนะรอมนีย์ในรัฐ swing states อื่น ๆ ที่ริพับลิกันชนะในปี 2543 และ 2547 ที่เห็นได้ชัดคือโคโลราโด ฟลอริด้า โอไฮโอ และเวอร์จิเนีย ท้ายที่สุดแล้ว รัฐที่เดอะวอชิงตันโพสต์มองว่าเป็นรัฐ swing state ในการเลือกตั้งปี 2555 โอบามาชนะไปทั้งหมดแปดรัฐ โดยแพ้แค่นอร์ทแคโรไลนา นี่เป็นการเลือกครั้งล่าสุดที่ผู้สมัครพรรคเดโมแครตชนะในรัฐไอโอวา, โอไฮโอ, และฟลอริด้า, รวมถึงเขตที่ 2 ของรัฐเมน, การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ชนะการเลือกตั้ง, และเป็นการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่พรรคใหญ่สองพรรคไม่มีผู้หญิงเป็นแคนดิเดตประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดี

นี่เป็นการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่แคนดิเดตประธานาธิบดีได้รับคะแนนเสียงเกิน 70% ในรัฐใด ๆ, โดยโอบามาได้รับคะแนนเสียง 70.55% ในฮาวาย และรอมนีย์ได้รับคะแนนเสียง 72.55% ในรัฐยูทาห์

แคนดิเดตประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจากทั้งสองพรรคได้รับตำแหน่งทางการเมืองที่สำคัญหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ โอบามาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง, ไบเดนดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสมัยที่สอง และวางมือจากการเมืองไปช่วงหนึ่ง ก่อนจะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีในปี 2563 โดยเอาชนะประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์ (ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากบารัก โอบามา) ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ นี่เป็นการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ทั้งแคนดิเดตประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งคู่ รอมนีย์วางมือจากการเมืองและย้ายไปอยู่ที่รัฐยูทาห์ในปี 2557 แต่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภารัฐยูทาห์ในปี 2561 โดยเข้ารับตำแหน่งต่อจากออริน แฮท์ช ไรอันดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกสามสมัยก่อนจะกลายประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในปี 2558 ก่อนจะวางมือจากการเมืองในปี 2562

อ้างอิง

[แก้]
  1. McDonald, Michael (2013-07-22). "2012 General Election Turnout Rates". George Mason University. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-04-24. สืบค้นเมื่อ 18 กรกฎาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 "Election 2012: Results". CNN. 2012-11-06. สืบค้นเมื่อ 2012-11-09.


pFad - Phonifier reborn

Pfad - The Proxy pFad of © 2024 Garber Painting. All rights reserved.

Note: This service is not intended for secure transactions such as banking, social media, email, or purchasing. Use at your own risk. We assume no liability whatsoever for broken pages.


Alternative Proxies:

Alternative Proxy

pFad Proxy

pFad v3 Proxy

pFad v4 Proxy